Monday 9 November 2009

การเพาะต้นกล้า และการปลูกลงราง

1. นำวัสดุปลู (Perlite และ Vemiculite) รดน้ำให้เปียกและใส่ถ้วยเพาะ ซึ่งอาจจะใส่เต็มถ้วย หรือครึ่งถ้วยก็ได้ (วัสดุปลูก คือส่วนที่พยุงลำต้น) กรณีถ้าใส่แค่ครึ่งถ้วยเมื่อผักโต ในระดับหนึ่งควรเติมวัสดุปลูกช่วยพยุงผักไม่ให้ผักล้ม จากนั้นหาภาชนะมาวางใต้ถ้วยเพาะ และใส่น้ำสะอาดที่ก้นภาชนะความสูงประมาณ 1 ซม. เพื่อให้วัสดุปลูกมีความชื้นอยู่ตลอดเวลา
2. เมือวัสดุปลูมีความชื้นแล้ว นำเมล็ดพันธุ์ใส่ตรงกลางถ้วยลึกประมาณ 1 ซม. กลบด้วยวัสดุปลูกแค่พอปิดเมล็ดไม่ให้ปลิว และใช้กระบอกฉีดน้ำแบบฝอยพ่นด้านบน เช้าเย็นทุกวันและให้เก็บไว้ในที่มืดไม่มีแสงเข้า 48 ชั่วโมง
3. วันที่ 3 ให้นำมาวางในตำแหน่งที่มีแสงแดดรำไร เมล็ดจะเริ่มงอก ถ้าหากโต๊ะปลูกว่างก็ให้นำลงรางได้เลย
4. ถ้าเกินกว่า 5 วัน แสดงว่าเมล็ดไม่งอกให้เพาะใหม่
5. เมื่อเมล็ดงอกใบที่ 3 ออกมา เริ่มให้สารละลายอ่อน ๆ แก่พืชแทนน้ำสะอาด
6. การผสมสารอาหารสำหรับต้นอ่อนตามขั้นตอนดังนี้

  • นำน้ำสะอาดมาวัดค่า pH (กรด-ด่างของน้ำ) โดยใช้น้ำยา pH Drop Test หรือ pH Meter และปรับให้อยู่ในช่วง 5.5 เพื่อให้การดูดอาหารของพืชเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ค่า pH สูงกว่ากำหนด ต้องปรับโดยเติมกรดฟอสฟอริก , กรดไนตริก (pH Down)
  • ค่า pH ต่ำกว่ากำหนด ต้องปรับโดยเติมโปตัสเซียมไฮดรออกไซด์ (pH Up)
  • ปริมาณสารที่ใช้ปรับค่า pH ใส่ในปริมาณ 2-3 หยด
  • เติมสารอาหารของพืช (Nutrient) A และ B อย่างละ 1 มิลลิเมตร หรือ 1 cc/ น้ำ 1 ลิตร ลงในถาด และใช้ EC Meter ( Electrical Conductivity) วัดค่าความเข้มข้นของสารละลายให้อยู่ที่ค่า 0.8 สำหรับผักสลัด สำหรับผักไทย ผักจีน และผักญี่ปุ่นให้อยู่ที่ค่า 2.2
  • ควรเปลี่ยนน้ำทุกอาทิตย์ หรือเมื่อเกิดตะไคร่น้ำ
  • เมื่อต้นกล้าอายุครบ 2 อาทิตย์ ยกต้นกล้ามาลงรางชุดโต๊ะปลูก (ถ้าโต๊ะปลูกว่างอยู่สามารถลงได้ก่อน 2 อาทิตย์ได้เลย)

No comments: